สภาพบอลเอนเตอร์เทน,อินทรีย้ำแค้นผี! 5 ข้อ แมนฯ ยูไนเต็ด พ่าย พาเลซ สุดบู่

share

share

share

แมนฯ ยูไนเต็ด

แมนฯ ยูไนเต็ด

แมนฯ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้สมกับเป็นบอลเอนเตอร์เทนอย่างแท้จริงตามที่ เอริค เทน ฮาก ยืนยันกับสื่อ แต่เป็นการเอนเตอร์เทนแฟนบอลทีมคู่แข่งเป็นหลักหลังจากพวกเขาออกมาแพ้ คริสตัล พาเลซ ยับเยิน 4-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เมื่อวันจันทร์ที่ 6 พ.ค.ซึ่งส่งผลให้ ดิ อีเกิ้ลส์ ย้ำแค้น เร้ด เดวิลส์ ในเกมลีกซีซั่นนี้ได้สำเร็จหลังจากเกมแรกพวกเขาบุกไปกำชัยที่ โรงละครแห่งความฝัน ได้ 1-0 พร้อมเพิ่มสถิติที่เลวร้ายให้กับทีมของกุนซือดัตช์ไปในตัวด้วย แถมเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ อินทรีผงาดฟ้า เอาชนะ ปีศาจแดง ในเกมลีกได้ทั้งสองนัด

1. อีเกิ้ลส์ ปรับทัพตำแหน่งเดียว

คริสตัล พาเลซ เปลี่ยนทีมตำแหน่งเดียวจากนัดล่าสุดที่ออกไปเสมอกับ ฟูแล่ม 1-1

โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ นายใหญ่ อินทรีผงาดฟ้า ได้ เอเบเรชี่ เอเซ่ ที่ไม่มีส่วนร่วมในเกมบู๊กับ เจ้าสัวน้อย กลับมาเป็นตัวจริงประสานงานในแผงรุกร่วมกับ ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า และ ไมเคิ่ล โอลิเซ่

ต่อการคัมแบ็คของ เอเซ่ ส่งผลให้ จอร์แดน อายิว หล่นไปรับบทตัวสำรองโดยเกมนี้เจ้าบ้านได้ มาร์ค เกฮี กัปตันทีมที่เจ็บเข่าไปตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ฟิตกลับมานั่งข้างสนามได้

2. ผีแดง ไร้กัปตัน บรูโน่ อีกราย

แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบกับปัญหาใหญ่ปราศจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่บาดเจ็บเพิ่มไปอีกรายเช่นเดียวกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ อดีตกัปตันทีมเจ็บกล้ามเนื้อขณะซ้อมลงเล่นไม่ได้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ กองกลางทีมชาติ โปรตุเกส ไม่เคยพลาดเกมเนื่องจากบาดเจ็บเลยแม้แต่นัดเดียว และพลาดการลงเล่นให้ ซามพ์โดเรีย กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมละแมตช์ รวมทั้งทีมชาติสองแมตช์เนื่องจากป่วย ฉะนั้นแล้วมันจึงเป็นเกมแรกในอาชีพพ่อค้าแข้งที่ดาวเตะเลือดฝอยทองบาดเจ็บจนลงเล่นไม่ได้

ขณะเดียวกัน ผีแดง ยังไร้ มาร์คัส แรชฟอร์ด , สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เช่นกัน

ต่อการปราศจาก แฟร์นันด์ สตาร์วัย 29 ปีที่ลงเล่นในระดับสโมสรมาแล้ว 520 นัด รวมทั้ง แม็กไกวร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ อังกฤษ ส่งผลให้ เอริค เทน ฮาก ปรับโผตัวจริงสองรายจากเกมเฝ้าบ้านเสมอกับ เบิร์นลีย์ 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดย เมสัน เมาท์ กับ จอนนี่ อีแวนส์ ได้ออกสตาร์ตซึ่งทำให้ เทน  ฮาก ต้องสลับคู่กองหลังตัวกลางเป็นครั้งที่ 14 แล้วสำหรับซีซั่นนี้จากที่ อีแวนส์ ได้ประสานงานร่วมกับ กาเซมีโร่

อย่างไรก็ดี หากรวมสาเหตุอื่นๆด้วยอาทิการติดโทษแบน แฟร์นันด์ส พลาดการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก รวมนัดนี้เป็นนัดที่หกนับตั้งแต่เขาได้ประเดิมสนามเมื่อเดือนก.พ.2020 โดยสามเกมแรกที่ไร้จอมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะรวด แต่ไม่ชนะเลยในสองเกมหลังที่ขาดเขา (แพ้ วิลล่า 3-1 เดือนพ.ย.2022 และ เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 เดือนธ.ค.2023

3. คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟศีลเสมอกัน

ถือว่าเจ๊ากันไปสำหรับ กาเซมีโร่ และ อีแวนส์ ที่ผลัดกันพลาดคนละหน และเสียสองประตูให้ พาเลซ นำหน้าไปแบบสบายแฮ 2-0 ในครึ่งแรกจากจังหวะที่โดน โอลิเซ่ และ มาเตต้า ลากบอลหนีไปสอยตาข่ายให้เจ้าบ้านได้เฮในนาทีที่ 12 และ 40 ตามลำดับ

จะอย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องน่าเห็นใจ เทน ฮาก ไม่น้อยที่ แม็กไกวร์ บาดเจ็บเพิ่มอีกคน และส่งผลให้ กาเซมีโร่ ที่ต้องสวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็นต้องจับคู่กับ อีแวนส์ ที่โรยราเต็มทีพอกัน

ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่มิดฟิลด์แซมบ้าจะก่อความผิดพลาดอีกตามเคยเนื่องจากเขาต้องทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ตัวเองไม่ถนัด ขณะที่กองหลังทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ ไม่เหลือความแข็งแกร่งให้เห็นอีกต่อไปแล้วในวัย 36 ปี

จบครึ่งแรก ผีแดง จึงเสียประตูในลีกซีซั่นนี้เพิ่มเป็น 53 เม็ดแล้ว มากกว่าที่ยิงได้หนึ่งประตูซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีปัญหาในแผงหลังไม่พอ แผงหน้ายังสอยตาข่ายได้แบบกระปริบกระปรอยด้วยเช่นกัน

และที่สำคัญ ในช่วง 45 นาทีแรก แม้ ผีแดง จะครองบอลได้มากกว่าถึง 63.7%:36.3% แต่มันเป็นแค่การถ่ายเทบอลไปมาให้กันแบบเบสิกเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เกมรุกคืบหน้าแม้แต่น้อย แถมพวกเขาส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เลยจากโอกาสยิง 4 หน ขณะที่ พาเลซ ได้สับไก 5 ครั้ง และเข้ากรอบ 3 ครั้ง

4. ฟิลิปป์ มาเตต้า ชื่อนี้ไม่ธรรมดา

นักเตะที่ฟอร์มแรงที่สุดของ พาเลซ นาทีนี้ต้องยกให้กับ มาเตต้า ซึ่งกระทุ้งประตูได้อย่างร้ายกาจนับตั้งแต่ กลาสเนอร์ ถูกดึงมาคุมทีมแทน รอย ฮ็อดจ์สัน

ถึงขณะนี้หลังพังประตูพาทีมเจ้าบ้านนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 กองหน้าวัย 26 ปีเช็กบิลเกม พรีเมียร์ลีก เป็นลูกทีม 9 แล้วจาก 11 นัดในยุคของกุนซือออสเตรียโดยก่อนหน้านี้จากการลงเล่น 80 นัดในลีกให้ อินทรีผงาดฟ้า ดาวเตะเฟรนช์แมนทำประตูได้แค่ 11 เม็ดเท่านั้น

และที่สำคัญ มาเตต้า สอยตาข่ายแมตช์เหย้าเกม พรีเมียร์ลีก ในยุค กลาสเนอร์ ได้ตลอดทั้งหกเกมแรกของกุนซือคนใหม่ด้วยซึ่งทำให้เขาเป็นพ่อค้าแข้งรายแรกที่สร้างผลงานดังกล่าวได้ต่อจาก อลัน เชียเรอร์ ที่ตอบแทน เควิน คีแกน ในลักษณะนี้ได้เช่นกันในซีซั่น 1996/97 ซึ่งอดีตดาวยิงทีม นิวคาสเซิ่ล ตะบันได้เก้านัดติดของเกมเหย้า

ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่ กลาสเนอร์ ได้กุมบังเหียน อินทรีผงาดฟ้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ไม่มีใครทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่า มาเตต้า อีกแล้วหากไม่นับรวมการสังหารลูกโทษโดยเขากระทุ้งไปแล้ว 10 ประตูในเกมลีก เป็นรองแค่ โคล พาลเมอร์ รายเดียว (11ประตู)

5. เกมหน้ายับกว่านี้?

เกมต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับไปเล่นในบ้าน แต่เป็นการต้อนรับ อาร์เซน่อล ในวันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. ซึ่งเป็นอันแน่นอนแล้วว่ากองหลัง ปีศาจแดง น่าจะพิกลพิการต่อไปเนื่องจาก แม็กไกวร์ หมดสิทธิ์ลงเล่นในซีซั่นนี้แล้ว ยกเว้นแมตช์ชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ กับ แมนฯ ซิตี้ ที่คาดว่าอดีตกองหลังทีม เลสเตอร์ อาจฟิตทันลงบู๊

และจากที่เห็น แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูในเกมบุกมาเยือน พาเลซ มากถึงสี่เม็ด มันชัดเจนว่าคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเฉพาะกิจของพวกเขาไม่อาจพึ่งพาได้โดยเฉพาะ กาเซมีโร่ ที่ขยันก่อความผิดพลาด และทำให้ทีมเสียประตูที่สี่เพิ่มจึงบอกได้เลยว่า ผีแดง มีแววแพ้ อาร์เซน่อล ที่ต้องการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ยับคาบ้านโดยเฉพาะหาก แฟร์นันด์ส จะลงเล่นไม่ได้อีกเกม

ไม่เพียงเกมรับจะเป็นจุดอ่อน เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไร้พิษสงจึงแทบมองไม่เห็นเลยว่าพวกเขาจะเอาอะไรไปพิชิต ปืนโต ซึ่งมีเกมรับที่แข็งแกร่งเสียประตูน้อยที่สุดในลีก แถมยิงประตูได้มากที่สุดในลีกเช่นกัน

มองดูแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะยับคาบ้าน และน่าจะเพิ่มผลงานสุดเลวร้ายให้ เทน ฮาก ได้อับอายเพิ่มเติมจนเขาไม่น่าจะได้อยู่คุมทีมในซีซั่นหน้าอย่างที่เจ้าตัวปรารถนาซะมากกว่า

หลังปราชัย พาเลซ 4-0  เร้ด เดวิลส์ เสียประตูในทุกรายการของซีซั่นนี้เพิ่มเป็น 81 เม็ดแล้วซึ่งเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดของทีมนับตั้งแต่ซีซั่น 1976/77 ซึ่งพวกเขาโดนส่องยิง 81 ตุงเช่นกัน หากแต่ซีซั่นนี้ยังไม่ปิดฉาก

แต่ที่แน่ๆ ผีแดง สร้างสถิติสโมสรแพ้เกม พรีเมียร์ลีก มากที่สุดต่อหนึ่งซีซั่นเป็นนัดที่ 13 แล้วโดยก่อนหน้านี้พวกเขาเคยแพ้เกมลีกสมัยเป็นดิวิชั่น 1 เดิมในซีซั่น 1989/90 มากถึง 16 นัด และจบอันดับ 13

ก่อนหน้านี้ ผีแดง เคยแพ้เกม พรีเมียร์ลีก มากที่สุด 12 นัดในซีซั่น 2013/14 และ 2021/22 โดยทั้งสองซีซั่น พวกเขาปลดกุนซือเช่นกันซึ่งหากว่า เทน ฮาก รักษาเก้าอี้ได้ต่อในซีซั่นหน้าต้องถือว่าเขาทำบุญมาเยอะ

ด้าน โอลิเซ่ ซึ่งกดได้สองประตูในเกมนี้กลายเป็นนักเตะตัวแสบของ ผีแดง ไปแล้วเนื่องจากเขาพังประตู เร้ด เดวิลส์ ในเกมลีกได้สามเม็ดจากสี่นัดโดยเจ้าตัวไม่เคยยิงประตูคู่แข่งทีมไหนได้มากขนาดนี้มาก่อน

สำหรับสถิติหลังจบเกม 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลได้มากกว่า 57.2%:42.8% แต่เป็นอีกเกมที่พวกเขาโดนคู่ต่อกรส่องยิงมากกว่า 18-7 ครั้ง และแน่นอนว่า พาเลซ ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 10-2 ครั้ง